ขั้นตอนสำหรับการเขียนบทภาพยนตร์
1. การค้นคว้าหาข้อมูล (research)
เป็นขั้นตอนการเขียนบทภาพยนตร์อันดับแรกที่ต้องทำถือเป็นสิ่งสำคัญหลังจากเราพบประเด็นของเรื่องแล้ว
จึงลงมือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเสริมรายละเอียดเรื่องราวที่ถูกต้อง จริง ชัดเจน
และมีมิติมากขึ้น คุณภาพของภาพยนตร์จะดีหรือไม่จึงอยู่ที่การค้นคว้าหาข้อมูล
ไม่ว่าภาพยนตร์นั้นจะมีเนื้อหาใดก็ตาม
2. การกำหนดประโยคหลักสำคัญ (premise)
หมายถึงความคิดหรือแนวความคิดที่ง่าย
ๆ ธรรมดา ส่วนใหญ่มักใช้ตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นถ้า…” (what if) ตัวอย่างของ premise
ตามรูปแบบหนังฮอลลีวู้ด เช่น
เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ &จูเลียตเกิดขึ้นในนิวยอร์ค คือ เรื่อง West
Side Story, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ดาวอังคารบุกโลก
คือเรื่อง The Invasion of Mars, เกิดอะไรขึ้นถ้าก็อตซิล่าบุกนิวยอร์ค คือเรื่อง Godzilla,
เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก
คือเรื่อง The Independence Day, เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ &จูเลียตเกิดขึ้นบนเรือไททานิค
คือเรื่อง Titanic เป็นต้น
3. การเขียนเรื่องย่อ (synopsis)
คือเรื่องย่อขนาดสั้น
ที่สามารถจบลงได้ 3-4 บรรทัด
หรือหนึ่งย่อหน้า หรืออาจเขียนเป็น story outline เป็นร่างหลังจากที่เราค้นคว้าหาข้อมูลแล้วก่อนเขียนเป็นโครงเรื่องขยาย
(treatment)
4. การเขียนโครงเรื่องขยาย (treatment)
เป็นการเขียนคำอธิบายของโครงเรื่อง
(plot) ในรูปแบบของเรื่องสั้น
โครงเรื่องขยายอาจใช้สำหรับเป็นแนวทางในการเขียนบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์
บางครั้งอาจใช้สำหรับยื่นของบประมาณได้ด้วย
และการเขียนโครงเรื่องขยายที่ดีต้องมีประโยคหลักสำคัญ (premise)
ที่ง่าย ๆ น่าสนใจ
5. บทภาพยนตร์ (screenplay)
สำหรับภาพยนตร์บันเทิง
หมายถึง บท (script) ซีเควนส์หลัก
(master scene/sequence)หรือ ซีนาริโอ (scenario) คือ บทภาพยนตร์ที่มีโครงเรื่อง บทพูด
แต่มีความสมบูรณ์น้อยกว่าบทถ่ายทำ (shooting script) เป็นการเล่าเรื่องที่ได้พัฒนามาแล้วอย่างมีขั้นตอน
ประกอบ ด้วยตัวละครหลักบทพูด ฉาก แอ็คชั่น ซีเควนส์ มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง
เช่น บทสนทนาอยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษฉาก เวลา สถานที่ อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ
ไม่มีตัวเลขกำกับช็อต และโดยหลักทั่วไปบทภาพยนตร์หนึ่งหน้ามีความยาวหนึ่งนาที
6. บทถ่ายทำ (shooting
script)
คือบทภาพยนตร์ที่เป็นขั้นาดภาพ (wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (effect)
อื่น ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเลขลำดับช็อตกำกับเรียงตามลำดับตั้งแต่ช็อตอนสุดท้ายของการเขียน บทถ่ายทำจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ (screenplay) ได้แก่ ตำแหน่งกล้อง การเชื่อมช็อต เช่น คัท (cut) การเลือนภาพ (fade) การละลายภาพ หรือการจางซ้อนภาพ (dissolve) การกวตแรกจนกระทั่งจบเรื่อง
7. บทภาพ (storyboard)
คือ บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่อธิบายด้วยภาพ คล้ายหนังสือการ์ตูน
ให้เห็นความต่อเนื่องของช็อตตลอดทั้งซีเควนส์หรือทั้งเรื่องมีคำอธิบายภาพประกอบ
เสียงต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก และเสียงพูด เป็นต้น
ใช้เป็นแนวทางสำหรับการถ่ายทำ หรือใช้เป็นวิธีการคาดคะเนภาพล่วงหน้า (pre-visualizing)
ก่อนการถ่ายทำว่า
เมื่อถ่ายทำสำเร็จแล้ว หนังจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทของ Walt
Disney นำมาใช้กับการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนของบริษัทเป็นครั้งแรก
โดยเขียนภาพ เหตุการณ์ของแอ็คชั่นเรียงติดต่อกันบนบอร์ด
เพื่อให้คนดูเข้าใจและมองเห็นเรื่องราวล่วงหน้าได้ก่อนลงมือเขียนภาพ
ส่วนใหญ่บทภาพจะมีเลขที่ลำดับช็อตกำกับไว้ คำบรรยายเหตุการณ์ มุมกล้อง
และอาจมีเสียงประกอบด้วย
ขั้นตอนในการถ่ายภาพยนตร์สั้น
+ ขั้นที่1
หาองค์ประกอบด้านวิธีการ คือ
หลักการ การวางแผน การถ่ายทำ การตัดต่อ การประเมินผล
+ ขึ้นที่2
หาองค์ประกอบด้านบุคลากร คือ
บุคลากรในหน้าที่ต่างๆตั้งแต่ ตัวละคร บุคคลทางเทคนิค รวมไปถึง
ผู้มีความสามารถเฉพาะครับ จะดีมากๆ และอีกอย่างคือทีมเวิคครับ
+ ขั้นที่3
เตรียมการผลิต คือ วางแผน
เตรียมสถานที่ บท อุปกรณ์ ให้ครบ
+ ขั้นที่4
บทหนัง คือ วางบท คำพูด
ระยะเวลาสถานที่ เรื่องราวที่จะสื่อออกมา เรื่องบทนี้จะมีหลายแบบ
–
บทแบบสมบูรณ์
ประมาณว่า
เก็บทุกรายละเอียดทุกคำพูดครับ
–
บทแบบอย่างย่อ ประมาณว่า
เปิดกว้างๆให้ผู้ชมสังเกตในความเข้าใจของตนเอง
–
บทแบบเฉพาะ
–
บทแบบร่างกำหนด
+ ขั้นที่5
การผลิตอย่างแรกเลย
แต่ละฉากคุณต้องเลือกมุมกล้องให้เหมาะสม กับสภาพอากาศ ขนาดวัตถุ ว่าควรเห็นแค่ไหน
ขนาดมุมกล้องมีหลายแบบนะเยอะมาก
ผมพูดรวมๆละกัน มีแบบ ระยะไกลมาก ระยะไกล ระยะปานกลาง ระยะใกล้
+ ขั้นที่6
ค้นหามุมกล้อง
–
มุมคนดู ประมาณว่า
เป็นมุมถ่ายจากรอบนอกของฉากนั้นๆครับ เหมือนผู้ชมเป็นคนสังเกตฉากนั้นๆ
–
มุมแทนสายตา
–
มุมพ้อยออฟวิว
มุมนี้แนะนำให้ใช้เยอะๆครับ สวยมากมุมนี้ในการทำหนัง
เป็นมุมที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ครับ เช่น การถ่ายข้ามไหล่ของตัวละคร หรือวัตถุ ครับ
+ ขั้นที่7
การเคลื่อนไหวของกล้อง
–
การแพน การทิลท์ ประมาณว่า
การทำเคลื่อนไหวกล้องให้เห็นตำแหน่งวัตถุนั้นสัมพันกันครับ
–
การดอลลี่
การติดตามการเคลื่อนไหวเลยครับ
–
การซูม
เป็นการเปลี่ยนองค์ประกอบภาพครับ เหมือนเน้นความสนใจในจุดๆหนึ่ง
+ ขั้นที่8
เทคนิคการถ่าย เอาเป็นว่าจับกล้องให้มั่นนะครับ
อย่างผมก็จะจับ แบบกระชับกับตัวเลย คือแขนทั้งสองข้างแนบตัวเลยครับและก็ไม่แนะนำให้เคลื่อนไหวกล้องแบบรวดเร็วนะครับ
กล้องจะปรับโฟกัสไม่ทัน ทำให้ภาพเบลอครับ
+ ขั้นที่9
หลังการผลิต ก็ต้องตัดต่อ
เพิ่มเสียง เอ็ฟเฟก ความคมชัด ความเด่นชัดเรื่อง อักษรหนังสือ
+ ขั้นที่10
การตัดต่อ
- อย่างแรกเลยครับจัดลำดับภาพ
และเวลาให้ตรงและเหมาะสม อันไหนเกินยาวก็ให้ตัดทิ้งครับอย่าให้ขัดอารมณ์
- อย่างสองคือจัดภาพให้เหมาะสม
เนื้อหาและโครงเรื่องที่เราวางไว้ครับ
- อย่างสามแก้ไขข้อบกพร่องครับ
- อย่างสี่
เพิ่มเทคนิคให้ดูสวยงาม
เทคนิคการถ่ายวีดีโอ
ปัจจุบันกล้องวีดีโอมีอยู่หลายประเภท
เช่น แบบ Handycam(กล้องขนาดเล็ก) กล้องแบบมืออาชีพ(ขนาดใหญ่)
แต่หลักการและเทคนิคการถ่ายจะเหมือนๆกัน ก่อนอื่นเรามาทราบถึงประเภทของสื่อที่ใช้บันทึกภาพของกล้องวีดีโอก่อนว่าปัจจุบันมีอยู่กี่แบบ
1.แบบใช้ม้วนเทป
ปัจจุบันเหลือเพียง miniDV เป็นส่วนใหญ่
2.แบบใช้แผ่น
ซึ่งจะใช้แผ่น mini
DVD เป็นตัวเก็บข้อมูล
3.แบบใช้ Hard
Disk ปัจจุบันมีให้เลือกหลายขนาดของความจุ
เช่น 30 GB, 60 GB ต้น
4.แบบใช้ Memory
card เช่น SD,
Memory Stick, XDcard เป็นต้น
เทคนิคการถ่าย
1.
อย่าถ่ายแช่นานเกินไป
2.อย่ายกกล้องไปมาแทนสายตา
3.ถ้าเหตุการณ์นั้นยังไม่สิ้นสุด
อย่าหยุดถ่ายกลางคัน
4.อย่าZoom
หรือ Pan ขณะถ่าย บ่อยเกินไป
5.หาจุดจบที่ทำให้สนใจ
6.พยายามมองหาจุดที่น่าสนใจรอบๆตัวเพื่อจะได้ไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญ
หลักการง่ายๆแค่นี้
ท่านก็จะได้ภาพที่ดูดี ระดับมืออาชีพแล้ว
7.
ถือกล้องให้นิ่ง อย่าสั่น
เทคนิคง่ายๆคือกลั้นหายใจ หรือหายใจเบาๆ ขณะที่กด record
เทคนิคการถ่ายวีดีโอให้นิ่งที่สุด โดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง